(บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ข้อมูลใดๆ ในบทความเป็นข้อมูลที่อัปเดต ณ วันที่ดังกล่าวเท่านั้น)
เรียกได้ว่าเป็นวาระที่เร่งด่วนมากที่สุดเรื่องหนึ่งในขณะนี้กับ “โควิด-19” (Covid-19) ซึ่งล่าสุดนั้นองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศยกระดับ “โควิด-19” ให้เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลกแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อเกิดปัญหาใหญ่ระดับนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคธุรกิจและประชาชนคนทำงานทั่วไปย่อมจะเกิดขึ้นอย่างเป็นวงกว้างอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทในไทยหรือต่างประเทศ แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นเคยกันดีก็หลีกเลี่ยงผลกระทบจาก “โควิด-19” ไม่พ้น
วันนี้โนเรียจะพาทุกคนมาดูกันว่าบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังโลกอินเทอร์เน็ตและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราทุกคนนั้น ออกมาตรการอะไรกันออกมาเพื่อช่วยเหลือพนักงานและลดความเสี่ยงเรื่องการแพร่เชื้อกันบ้าง
กูเกิล (Google)
Google นั้นเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ในตอนแรกนั้น Google ได้ปิด Office ออกมาตรการให้พนักงานทำงานจากที่บ้านเพียงเฉพาะสาขาที่ได้รับผลกระทบเช่นที่จีน (เป็นที่แรก) และประเทศอื่นๆ ที่สถานการณ์เริ่มลุกลาม แต่ล่าสุดนั้น Google ได้ประกาศให้พนักงานทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือทั้งหมดทำงานจากบ้านจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2563 โดยที่ยังจ่ายค่าจ้างตามปกติ
เฟซบุ๊ก (Facebook)
เช่นเดียวกันกับ Google ที่ในตอนแรกเลือกที่จะปิดออฟฟิศในประเทศที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงเท่านั้น ในช่วงแรก Facebook ก็มีมาตรการในลักษณะเดียวกัน คือเลือกปิดเป็นเมืองๆ ไป แต่ล่าสุดได้ประกาศให้พนักงานทั่วโลกหยุดทำงานอยู่บ้านจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2563 โดยที่ยังจ่ายค่าจ้างตามปกติ
ทวิตเตอร์ (Twitter)
วันพุธที่ผ่านมา Twitter ได้อัปเดตมาตรการใหม่เป็นภาคบังคับให้พนักงานในของบริษัททั่วโลกต้องหยุดมาทำงานและทำงานอยู่บ้านแทน โดยที่ยังจ่ายค่าจ้างตามปกติ
ไมโครซอร์ฟ (Microsoft)
บริษัทซอร์ฟแวร์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft เองก็ออกนโยบายให้พนักงานในประเทศหรือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้ทำงานจากบ้าน จากตอนแรกที่กำหนดให้ทำจากบ้านถึง 6 มีนาคม 2563 ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นทำถึงสิ้นเดือนมีนาคมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
นอกจากเหนือจากนโยบายเรื่องทำงานทางไกล Microsoft เองได้มีการยกเว้นค่าบริการให้กับซอร์ฟแวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานทางไกล ประชุมทางไกล ในช่วงวิกฤตนี้ด้วยเช่นกัน
แอปเปิล (Apple)
Tim Cook ซีอีโอของ Apple ได้ออกประกาศให้การทำงานจากบ้านเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของพนักงาน โดยจะสามารถรับค่าจ้างได้ตามปกติ นอกเหนือจากการนำเสนอทางเลือกให้พนักงานทำงานจากบ้านแล้ว Apple ยังได้ให้ความสำคัญกับการลดความแออัดในที่ทำงานด้วยเช่นกัน
ล่าสุด Tim Cook ยังได้ประกาศให้ Apple Store ทั่วโลกปิดให้บริการจนถึงวันที่ 27 มีนาคม 2563 นี้ ส่วนทางกับ Apple Store ในจีนที่เปิดให้บริการแล้วหลังจากปิดไปในช่วงก่อน
อเมซอน (Amazon)
ให้พนักงานที่รัฐนิวเจอร์ซีและนิวยอร์กสามารถหยุดงานและทำงานจากบ้านจนถึงเดือนเมษายนนี้ ส่วนออฟฟิศอื่นๆ ทั่วโลก อเมซอนเองก็ประกาศให้พนักงานบางส่วนที่อยู่ในตำแหน่งงานที่สามารถนำงานไปทำที่บ้านก็ให้ทำงานทางไกลได้ และจ่ายเงินเป็นเรทปกติ
นอกจากนี้ยังยกเว้นค่าเช่าให้กับธุรกิจที่เช่าอยู่ในตึกที่ Amazon เป็นเจ้าของใน Seattle อีกทั้งยังจัดตั้งงบประมาณมูลค่า $5 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดในครั้งนี้
อาลีบาบา (Alibaba)
ในช่วงก่อนที่จีนเกิดการระบาดหนัก บริษัท Tech ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนนี้ไม่ได้มีแค่นโยบายที่ช่วงพยุงพนักงาน แต่ได้สร้างนโยบายที่ช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานหรือขาดรายได้จากการระบาดในครั้งนี้ โดย Alibaba ร่วมกับ JD.com ได้เปิดตำแหน่งชั่วคราวมากถึง 20,000 ตำแหน่งช่วยประคองการว่างงานที่เกิดขึ้น
เทนเซ็นต์ (Tencent)
พูดถึง Alibaba แล้วไม่พูดถึงยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent ก็กระไร Tencent นอกจากเหนือจากมาตรการที่ให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านจนกว่าจะมีประกาศให้กลับมาทำงานตามปกติ Tencent ยังยกเว้นค่าใช้จ่ายจากแพลตฟอร์มระบบการประชุมงานทางไกลให้กับผู้ใช้งานถึงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
สรุป
จบกันไปแล้วกับมาตรการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน Tech ของโลกใช้ในการรับมือกับวิกฤต “โควิด-19” แน่นอนว่ายังมีอีกหลายบริษัทที่มีนโยบายดีๆ แต่โนเรียยังไม่ได้กล่าวถึงอีกมาก
โนเรียเป็นบริษัทการตลาดออนไลน์ตัวจิ๋วที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจรายย่อยขนาดเล็กให้เดินหน้าในโลกออนไลน์ ในช่วงวิกฤตแบบนี้โนเรียเองก็ผลักดันมาตรการให้พนักงานทำงานจากบ้าน เพื่อลดความแออัดที่เกิดขึ้นในที่ทำงานเช่นกัน ถ้าทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของวิกฤตโลกระบาดครั้งนี้ จะต้องสร้างความแตกต่างได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน
ใส่ความเห็น